นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงยุทธศาสตร์ของกระทรวงการคลังในการเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจสู่อนาคต โดยมุ่งสร้างแรงจูงใจและมาตรการเชิงรุก เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
ในส่วนของสกุลเงินดิจิทัล นายพิชัยระบุว่าปัจจุบันมีความต้องการแลกเปลี่ยนสูงทั่วโลก โดยมีจำนวน 21 ล้านคอยน์ คิดเป็นมูลค่า 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ แต่มีการแลกเปลี่ยนจริงไม่ถึง 10 ล้านคอยน์ ทำให้มีสภาพคล่องประมาณ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังไม่พร้อมสำหรับการใช้สกุลเงินดิจิทัลในปัจจุบัน ดังนั้น จำเป็นต้องออกแบบระบบและสร้างตลาดสำหรับการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลภายในประเทศ เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถนำคอยน์มาลงทะเบียนในตลาดของไทยที่สามารถตรวจสอบได้ และใช้จ่ายผ่านระบบที่มีการยืนยันตัวตน (KYC) ซึ่งจะช่วยให้การโอนคอยน์เป็นเงินบาททำได้ง่ายขึ้น
นายพิชัยยกตัวอย่างว่า หากมีผู้ต้องการย้ายถิ่นฐานจากประเทศที่มีความขัดแย้ง เช่น ยูเครนหรือรัสเซีย มายังไทย และต้องการซื้อบ้านในราคา 50 ล้านบาท การนำเงินสดจำนวนมากอาจเป็นเรื่องยาก แต่การใช้คอยน์จะทำได้ง่ายขึ้น ดังนั้น การพัฒนาระบบดังกล่าวจะช่วยให้ประเทศไทยเข้าใจและรองรับการใช้สกุลเงินดิจิทัลได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2568 นายพิชัยมองว่าอยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญ หลังจากที่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา GDP ขยายตัวเฉลี่ยไม่ถึง 2% โดยในปี 2567 คาดว่าจะขยายตัว 2.7-2.8% ซึ่งเป็นการหลุดพ้นจากการเติบโตที่ต่ำ ส่วนในปี 2568 นี้ นายพิชัยเชื่อว่า GDP จะสามารถขยายตัวได้ถึง 3% โดยได้รับแรงสนับสนุนจากความเชื่อมั่นของประชาชนในประเทศ
ขอขอบคุณข้อมูล https://www.matichon.co.th/politics/news_4989657 |