Pi Network คืออะไร (ทำความรู้จัก)

ในช่วงเดือนที่ผ่านมา หนึ่งในประโยคที่ผมเจอมากที่สุดเวลาค้นหาข้อมูลคือ Pi network ซึ่งเอาเข้าจริงผมก็ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ครับ จนกระทั่งมันผลุบขึ้นมาโผล่ในอันดับที่ 11 ของโลกบน Coinmarketcap และมีมูลค่าทรัพย์สินมากถึง 398,659,444,179 บาท! (มูลค่า ณ วันที่ 13 มีนาคม 2568)

ประกอบกับเมื่อผมลองเอาคำว่า Pi network ไปค้นผ่าน Google ดูพบว่า มีภาพของผู้คนทั่วโลก ที่ต่างสวมเสื้อสีม่วงสดใส พร้อมกับมีสัญญาณ Pi (อ่านว่า พาย) เป็นโลโก้ที่ดูดโดดเด่น จนทำให้ผมแอบรู้สึกนึกไปถึง ช่วงที่ Bitconnect เติบโต

ถึงตรงนี้ผมคิดว่า ผมคงปล่อยผ่านคำนี้ไปไม่ได้แล้วครับ ในฐานะนักเขียนบทความคริปโตอิสระ ผมขอดำดิ่งและเจาะลึกถึงโครงการอภิมหากาพย์ที่ยิ่งใหญ่ และน่าสนใจ ณ ตอนนี้ ที่อาจเข้ามาเพิ่มมูลค่าและพัฒนาพอร์ตของคุณ ให้เติบโตในระดับ x100 หรือ x1000 ในอนาคตก็เป็นไปได้!

ดังนั้นเรามาดำดิ่งเจาะลึกกับโครงการ Pi network กันครับ

สารบัญ

Pi Network คืออะไร

ในช่วงประมาณปี ค.ศ. 2019 บุคคลสามคนจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ต คือ Dr. Nicolas Kokkalis, Dr. Chengdiao Fan และ Vincent McPhillip เกิดแนวคิดที่น่าสนใจว่า “ทำอย่างไร เราจะสามารถพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ๆ ผ่านเครื่องสมาร์ทโฟน และสามารถใช้เจ้ามือถือเครื่องจิ๋วนี้ ขุดเหรียญขึ้นมาได้ โดยไม่ต้องใช้กำลังไฟที่สูง”

จากแนวคิดข้างต้นทีมนี้จึงได้พัฒนาโครงการที่ชื่อว่า Pi Network ขึ้นมา โดยมีเป้าหมายแน่วแน่ว่า จะสร้างสกุลเงินดิจิทัลที่สามารถขุดบนสมาร์ทโฟนได้ โดยไม่ใช้พลังงานเหมือนบิทคอยน์

จนในที่สุดแนวคิดดังกล่าวก็เกิดขึ้นจริงในวันที่ 14 มีนาคม 2019 ซึ่งวันนี้ในชุมชนมักจะเรียกว่า วัน Pi Day โดยสาเหตุที่ทั้งสามคนเลือกใช้วันนี้ก็เพราะว่า

1.วันที่ 14 มีนาคม (3/14) เป็นวัน Pi Day (วันค่าคงที่ทางคณิตศาสตร์ π ≈ 3.14)

2.เป็นสัญลักษณ์ที่สอดคล้องกับชื่อโครงการ Pi network พอดี

ในระยะแรกนั้นโครงการนี้ได้พัฒนาบน testnet หรือเฟสทดลอง เพื่อปรับปรุงให้ทุกอย่างสมบูรณ์ที่สุด และในปัจจุบันได้เปิดตัวบนระบบ Mainnet เป็นที่เรียบร้อยแล้วในเดือน มีนาคม 2025 ที่ผ่านมาไม่นานนี้เอง

โดยมีประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ ในช่วงแรกๆของโครงการ ที่อยู่ในช่วงของ testnet มักมีคนกล่าวหาว่า Pi นี้เป็นโครงการแชร์ลูกโซ่ หรือ Money game ทำให้การเติบโตในหลาย ๆ ประเทศนั้นดูจะเชื่องช้าเหลือเกิน อาทิเช่นประเทศไทยเป็นต้น

แต่หลังจากที่ Pi ได้รับการยอมรับจากกระดานเทรดใหญ่ ๆ อาทิเช่น OKX หรือ Bitget ส่งผลให้ข้อครหานี้ถูกลบเลือนหายไป และทำให้ Pi กลายเป็นเหมือนแสงทองที่สาดส่องขึ้นท่ามกลางสมรภูมิเหรียญที่กำลังดุเดือด ณ ปัจจุบัน

ดังนั้น

หากจะมองว่า อนาคตของ Pi จะเติบโตไปได้เพียงใด ทั้งในแง่ของนวัตกรรม และในแง่ของราคาเหรียญ ผมคิดว่าขึ้นอยู่กับ การนำเอานวัตกรรมไปใช้งานได้จริง ตลอดจนความง่ายในการใช้งาน อีกทั้งเป็นประโยชน์ต่อชุมชนโลกหรือไม่

ดังนั้นผมจึงคิดว่า เราควรมาดูกันหน่อยว่า ภายหลังจาก Mainnet เกิดขึ้นแล้ว

เหรียญ Pi นี้มีประโยชน์ต่อโลกเรายังไงบ้าง

ทำไมโลกเราต้องมี Pi network

ก่อนที่จะเข้าใจว่าทำไมต้องมี Pi network ผมอยากให้ทำความเข้าใจกันก่อนว่า โครงการนี้ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างปริศนาเหมือนกับบิทคอยน์ แต่เป็นความตั้งใจของนักวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่ต้องการสร้างสกุลเงินดิจิทัล ที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายและเป็นธรรม ซึ่ง pi ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาหลายประการดังนี้

1.ทำให้ทุกคนเข้าถึงคริปโตง่ายขึ้น

ในความหมายของผมคือ หากคุณต้องการมีเหรียญบิทคอยน์ในมือ สิ่งที่คุณต้องทำนอกจากการเอาเงินบาทไปซื้อผ่านกระดานเทรดไทยหรือต่างประเทศแล้ว อีกวิธีหนึ่งคือการขุดเหรียญ หรือ Mining ซึ่ง ณ ปัจจุบัน การขุดบิทคอยน์แบบ Solo Mining เพื่อให้เราได้รางวัลเป็น BTC แทบเป็นไปไม่ได้เลย

หรือหากเราไปขุดแบบ Pool เราก็ต้องลงทุนด้วยเงินมหาศาลกว่าจะได้เหรียญบิทคอยน์มา รวมทั้งค่าไฟฟ้า พลังงานที่สูญเสียไป และทรัพยากรอื่น ๆ ตรงนี้เองส่งผลให้มีเพียงคนบางกลุ่มเท่านั้นมีสามารถขุดบิทคอยน์ได้

แต่ตรงข้ามกับ Pi network

เพราะคุณไม่ต้องใช้เครื่องขุดขนาดใหญ่ที่กินไฟสูง คุณเพียงแค่หยิบสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าของคุณออกมา ใช่แล้ว! มันคือมือถือแบบสมาร์ทโฟนนั่นเองครับ

ทุกคนสามารถขุดเหรียญ Pi ได้ฟรี ๆ ผ่านเครื่องสมาร์ทโฟน เพียงแค่ดาวน์โหลดแอพ Pi และกดปุ่ม ขุด! เพียงเท่านี้ ทุกวินาทีที่ผ่านไปคือกำไรทางการเงินที่ไหลเข้ากระเป๋าคุณแบบ Passive Income

นอกจากนี้การขุดบนมือถือยังไม่ต้องใช้พลังงานเยอะ เพราะใช้ระบบ Stellar Consensus Protocol (SCP) ในการขุดเหรียญ โดยระบบนี้พัฒนามาจาก Stellar Lumen Blockchain นั่นเอง

ดังนั้นคุณจะเห็นว่าด้วยความง่ายในการขุด มันจึงสะท้อนความเป็นธรรมที่ไม่ว่าคุณจะยากดีมีจน หรืออาศัยอยู่ในประเทศใด ก็สามารถขุดเหรียญ Pi ขึ้นมาและเป็นเจ้าของเหรียญนี้ได้ทันที

2.แก้ปัญหารวยกระจุกจนกระจาย

ลองนึกดูนะครับว่า ณ ตอนนี้ การขุดบิทคอยน์อยู่ในคนธรรมดา หรือว่าอยู่กับบริษัทขนาดใหญ่ แน่นอนว่า แทบจะไม่มีบุคคลธรรมดาอย่างเรา ๆ ที่สามารถขุดบิทคอยน์ได้แล้ว

แต่ตรงข้ามกันกับ Pi ที่ทุกคน สามารถขุดได้ฟรี! ไม่ต้องลงทุนใด ๆ ไม่มีการเก็บเงินจากคุณเข้ากระเป๋าใครสักบาท คุณได้รับเหรียญไปฟรีๆจากการขุดบนมือถือของคุณ

อีกทั้งด้วยระบบการเชิญชวนให้เข้าร่วมชุมชนแบบ Referral ซึ่งไม่มีการกินค่าหัวคิวใด ๆ แต่เป็นการรวมกำลังกันขุดและเพิ่มแรงขุดให้มากขึ้น ส่งผลให้การกระจายตัวของเหรียญเป็นไปอย่างรวดเร็ว

เพียงแค่! เย็นนี้คุณกลับไปที่บ้าน และชวนให้คนรอบตัวคุณ สามี ภรรยา ลูก พ่อแม่ หรือเพื่อน ดาวน์โหลด App และขุดเหรียญ Pi ผ่านมือถือได้เลย

ไม่มีค่าธรรมเนียมใด ๆ ไม่มีการเก็บเงินอะไรแอบแฝง ทุกอย่างฟรีหมด

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้จะเห็นได้ชัดเจนว่า Pi network แก้ปัญหาหาการรวยกระจุก (เฉพาะบริษัทใหญ่ๆ) จนกระจาย มาเป็นทุกคนมีอำนาจในการเป็นเจ้าของ และด้วยเหตุผลข้อนี้จึงทำให้เมื่อเปิดตลาดมูลค่าของเหรียญ Pi จึงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ

นอกจากนี้เราลองมาดูประโยชน์ในแง่ของการนำไปใช้กันบ้าง

3.เหรียญ Pi ลดอุปสรรคในการใช้คริปโตแลกเปลี่ยน

ผมเชื่อว่า ถ้าคุณเป็นแฟนพันธุ์แท้โลกคริปโต คุณคงเคยมีประสบการณ์การโอนเหรียญ BTC ที่เจอการจราจรที่หนาแน่นทำให้ระยะเวลาโอนเหรียญ นานกว่าการต้มมาม่า 3 นาทีเสร็จ

อีกทั้งค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้นก็สูงขึ้นตามจำนวนของเหรียญ BTC ที่โอนไปด้วย ทั้งหมดนี้ทำให้การแพร่ของนวัตกรรม BTC ดูช้ากว่าที่มันควรจะเป็นมาก

ต่างกันกับ Pi network ที่ค่าธรรมเนียมเกือบเป็นศูนย์ (ใช้ระบบ SCP แทน Proof-of-Work) ไม่มีใครมาลอบกัดกินค่าธรรมเนียมคุณไประหว่างการโอน

ตรงนี้ส่งผลให้การสร้างระบบ Marketplace หรือตลาดซื้อขายโดยใช้เหรียญ Pi สามารถทำได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ผมคิดว่าเพราะเหตุนี้เองผมถึงเริ่มเห็นภาพของผู้คนที่เริ่มใช้ App Pi เพื่อซื้อขายสินค้าระหว่างกัน โดยจะเห็นมากในต่างประเทศครับ

4.เพิ่มความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวให้ผู้ใช้

ถ้าคุณเริ่มเห็นคนที่ใช้งาน Pi คุณจะเห็นว่าเมื่อโอนเหรียญ ทุกอย่างเป็นไปโดยตรงระหว่างผู้คนต่อผู้คน ไม่มีธนาคารกลาง หรือใครมาตรวจสอบกระบวนการโอนเหรียญ ทำให้ไม่มีใครสามารถมาตรวจสอบบัญชีของคุณได้

ทุกอย่างเป็นส่วนตัว และผมคิดว่าแนวคิดนี้คือสิ่งที่คนในโลกคริปโตต้องการ

ทีนี้เราลองมาโฟกัสที่ตัวของเรากัน และดูว่า โครงการ Pi network ส่งผลกระทบด้านดีต่อตัวเราในแง่ใดบ้าง

ประโยชน์ของ Pi net work ต่อตัวของเรา

หลังจากที่โครงการนี้ได้เปิด Open mainnet อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 ภุมภาพันธ์ 2025 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้ใช้งานเหรียญ Pi สามารถทำธุรกรรมได้อย่างเสรี เหรียญ Pi จึงเริ่มเข้าไปสู่ชีวิตประจำวันในเรื่องดังต่อไปนี้

1.ซื้อขายสินค้าและบริการ

เริ่มมีแพลตฟอร์มที่รองรับการใช้เหรียญ Pi ในการซื้อขายสินค้า ส่งผลให้เหรียญเริ่มเข้าไปสู่ชีวิตประจำวันของผู้ใช้งาน และมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยจากที่ลองค้น ๆ ดู ผมพบว่ามี Marketplace ที่ใช้เหรียญ Pi ซื้อขายสินค้าและบริการออนไลน์ได้ดังนี้

2.การพัฒนาและใช้งาน Dapps

ตอนนี้นักพัฒนา Dapps สามารถสร้างแอฟบนเครือข่ายของ Pi ได้แล้ว โดยบริการที่สามารถสร้างได้ได้แก่ แอฟพลิเคชั่นทางการเงิน เกมส์ หรือแม้กระทั่งโซเชียลมีเดีย เป็นต้น

3.เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน Pi network

ข้อสุดท้ายคือคุณสามารถเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน Pi network เพื่อทำกิจกรรม อาทิ ขยายเครือข่ายของผู้ใช้งาน, เข้าร่วมประชุมสัมมนา หรือ ซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าหรือบริการกับเหรียญ Pi รวมตลอดทั้งเข้ามาเป็นผู้พัฒนา Dapps บนเครือข่าย Pi เพื่อส่งเสริมความแข็งแกร่งของชุมชนให้เพิ่มขึ้น

ชุมชน Pi Network น่าสนใจ
Pi network Thailand https://www.facebook.com/groups/230721978020618/?locale=th_TH

และเนื่องจากระบบ Mainnet เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน เท่ากับว่าคุณมีโอกาสอย่างมากในการพัฒนาชุมชนนี้ให้เติบโตขึ้นในประเทศไทย หรือในโลกใบนี้

และสิ่งหนึ่งที่ Pi network มอบให้กับคุณหากคุณ ตัดสินใจ เข้าร่วมในชุมชนคือ โอกาสสร้างรายได้แบบ Passive income กับ Pi ซึ่งเมื่อได้ยินคำนี้คุณอาจตกใจ แต่แท้จริงแล้ว เป็นวิธีที่ Pi มอบให้กับคนที่ทำงานแบบ Referral ครับ

โดยผมขออธิบายวิธีหารายได้กับ Pi ให้คุณทราบมีดังนี้

วิธีสร้างรายได้แบบ Passive Income กับ Pi network

อย่างที่ผมเคยกล่าวไปตั้งแต่ตอนต้นแล้วว่า โครงการ Pi ทุกคนสามารถขุดเหรียญได้ผ่านมือถือ และสามารถขายเหรียญได้ด้วย ดังนั้นถ้าคุณอยากหารายได้กับ Pi network แนวทางด้านล่างนี้ คุณสามารถเอาไปประยุกต์ใช้ได้เลยครับ

1.ขุดเหรียญ Pi ทันทีและฟรี

ผมแนะนำให้คุณดาวน์โหลด Pi Application จาก ios หรือ play store ก็ได้ครับ จากนั้น ลงทะเบียนด้วยหมายเลขโทรศัพท์หรือบัญชี facebook โดยเมือลงทะเบียนเสร็จแล้ว คุณจะสามารถขุดเหรียญ Pi ได้ทันที

ซึ่งการขุดจะดำเนินไปแบบอัตโนมัติ คุณไม่ต้องทำอะไรเลย และเมื่อครบ 24 ชั่วโมง ให้คุณกลับมากดปุ่มขุดอีกครั้งเพื่อรักษาความแรงของการขุดให้ต่อเนื่องอย่าได้ขาด

2.เชิญเพื่อนเพื่อเพิมกำลังการขุด

หัวใจสำคัญอีกข้อที่ช่วยให้คุณมี passive income นั่นคือ คุณสามารถชวนเพื่อน ๆ หรือคนรอบตัวสมัครเป็นสมาชิก Pi network ได้ โดยหลังจากขุดไปได้ประมาณ 3 วัน คุณสามารถสร้างวงความปลอดภัยโดยเพิ่มสมาชิกที่คุณไว้วางใจ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเครือข่ายและอัตราการขุดของคุณ

3.สร้าง Dapps บน Pi network

Pi network เปิดโอกาสให้นักพัฒนาเข้ามาสร้างสรรค์ Dapps บน web3.0 โดยปัจจุบันสามารถเปิดใช้งานได้บน Pi browser ครับ คุณอาจสร้างเกมส์ หรือเว็บ marketplace หรืออื่น ๆ ได้ โดยรับผลตอบแทนเป็นเหรียญ Pi ฟังแล้วน่าสนใจใช่ไหมครับ ลองศึกษาในหมวด Deverloper บน Pi ได้เลย

ทีนี้เมื่อคุณได้เหรียญ Pi มาแล้ว คำถามคือแล้วเราจะขายเหรียญเพื่อเปลี่ยนเป็นรายได้ที่ไหนได้บ้าง? ผมอนุญาตรวบรวมมาให้กับคุณ โดยมีรายละเอียดดังนี้…

ขายเหรียญ Pi ได้ที่ไหนบ้าง

ณ วันที่ผมเขียนบทความนี้ มีกระดานเทรดต่างประเทศที่รองรับเหรียญ Pi ดังต่อไปนี้

กระดานเทรด	จุดเด่น
OKX	1.ค่าธรรมเนียมต่ำ 2.รองรับการเทรดหลายรูปแบบ 3.ความปลอดภัยสูง 4.เครื่องมือเทรดครบครัน 5.รองรับหลายบล็อกเชน
BITGET	1.รองรับ Copy Trading อันดับต้น ๆ 2.ค่าธรรมเนียมต่ำ 3.ความปลอดภัยสูง 4.รองรับฟีเจอร์เทรดคริปโตครบวงจร 5.รองรับหลายบล็อกเชน
MEXC	1.แพลตฟอร์มอนุพันธ์คริปโตชั้นนำ 2.เลเวอเรจสูงสุดถึง 100x 3.ค่าธรรมเนียมต่ำ 4.สภาพคล่องสูง 5.ระบบความปลอดภัยแข็งแกร่ง
Gate.io	1.รองรับเหรียญมากกว่า 1,700 เหรียญ 2.มี Launchpad และ Startup Program 3.ฟีเจอร์การเทรดครบวงจร 4.ระบบรักษาความปลอดภัยสูง 5.ค่าธรรมเนียมต่ำและมีส่วนลด
LBank	1.รองรับเหรียญใหม่และเหรียญเล็กจำนวนมาก 2.ค่าธรรมเนียมต่ำ 3.ฟีเจอร์ Earn หลากหลาย 4.รองรับการฝาก-ถอนผ่านหลายบล็อกเชน 5.ความปลอดภัยสูง

คุณสามารถโอนเหรียญ Pi เข้าไปยังกระดานเทรดเหล่านี้และขายเหรียญออกมาเป็น USDT จากนั้นโอนเหรียญ USDT เข้ามายังกระดานเทรดประเทศไทย และขายเหรียญ USDT ออกมาเป็นเงินบาทได้เลย

ข้อกังวลเกี่ยวกับ Pi network

แม้ว่าตลอดทั้งบทความที่ผมเขียนขึ้นมานี้ จะออกไปในแนวทางเชียร์ให้คุณใช้บริการ แต่ผมก็มีข้อกังกวลบางประการเกี่ยวกับโครงการนี้ที่อยากเล่าให้คุณฟังเช่นกันครับ กล่าวคือ…

1.ระบบ KYC ที่ดูยุ่งยาก

ผมรู้สึกว่าทาง Pi network ค่อนข้างกังวล และกลัวเรื่องการถูกดำเนินคดีจากรัฐบาล USA มากพอสมควร (Pi network มีสถานที่ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกาอย่างถูกกฎหมาย) จึงมีระบบการทำ KYC ที่ยุ่งยากและหลายขั้นตอน แม้ว่าทางระบบจะแจ้งว่า เพื่อป้องกันคนขุดตัวปลอมที่สร้างขึ้นมาเพื่อขุดเหรียญจำนวนมาก แต่นั่นก็มีข้อสงสัยว่า ทำไมถึงได้ทำ KYC ละเอียดมาก ทำยัน scan ใบหน้า ส่งถ้าข้อมูลรั่วไหลจะทำอย่างไร

อีกทั้งปริมาณข้อมูลที่มากมหาศาลในอนาคต จะทำให้การทำ KYC ช้ามากหรือไม่ เพราะในช่วงของ testnet ก็มีเสียงบ่นกันหนาหูว่า ระบบการทำ KYC ยากและช้ามาก

2.แอพยังดูงง ๆ ดูไม่สวยงามเท่าที่ควร

หากเราเปิดแอพของ Pi ผมรู้สึกว่ามันยังดูรกๆตา และดูมีข้อมูลให้คลิกมากเกินไป ไม่สวยงาม ลองเทียบเคียงกับแอพอย่าง Unstoppable ที่ใช้รับจ่ายบิทคอยน์ ที่ดูง่ายสบายต่าน่าใช้งานกว่ามาก ตรงนี้ผมถือว่าเป็นจุดอ่อนอย่างมากของ App Pi

3.ใคร ๆก็อยากขายเหรียญ

ผมคิดว่าทีมผู้พัฒนาก็กังวลด้านนี้เหมือนกัน ดังจะเห็นได้ว่ามีการออกแคมเปญการ locke เหรียญไว้ในระบบนานมากถึง 3 ปี ด้วยความกังวลว่าอาจมีคนเทขายเหรียญ Pi จำนวนมากเมื่อเหรียญเข้าตลาด ทำให้ราคาเหรียญลดลงจนไม่มีค่า ซึ่งส่งผลต่อการแพร่ของนวัตกรรม Pi ยุติลง

ซึ่งการล๊อกเหรียญไว้นาน ๆ ในมุมของผมมันสะท้อนปัญหาตรงจุดนี้ได้อย่างชัดเจน นั่นแปลว่า ถ้าไม่มีนวัตกรรมไหนออกมาให้น่าสนใจมากพอแล้ว ระบบนิเวศน์ของเหรียญ Pi ไม่เกิด ทุกคนก็จะโฟกัสที่การขุดและขายเหรียญอย่างเดียว (ดังเช่นในปัจจุบัน) และนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะอย่างแท้จริง

บทสรุป

แม้ว่านวัตกรรม Pi network จะดูมะงุมมงาหราในตอนเริ่มต้น และดูเหมือนว่า ขั้นตอนกว่าจะได้ใช้งาน pi จริง ๆ ก็ต้องผ่านการทำ KYC ที่ถ้าในอนาคตมีจำนวนสมาชิกมากกว่านี้ ระบบจะเป็นอย่างไร และความคล่องตัวในการใช้งานจริง หรือ userintreface จะน่าใช้งานมากกว่าในปัจจุบันไหม

ทั้งหมดนี้คือคำถามที่ต้องการคำตอบ แต่นั่นอาจหักลบกับความจริงที่ว่า การเติบโตของ Pi network ยังอยู่ในช่วงของการเริ่มต้นเท่านั้น เหมือนกับสมัยที่ทำ testnet ก็ไม่มีใครคิดว่าจะเปิดระบบ mainnet และมีกระดานเทดรใหญ่มาโอบอุ้ม

ดังนั้นโอกาส และความเสี่ยงจึงอยู่ต่อหน้าคุณ! เป็นหน้าที่ของคุณแล้วครับว่า จะตัดสินใจรับโอกาสที่อาจเกิด x100 เท่าก่อนใคร หรือความเสี่ยงที่จะต้องเสียเวลาไปกับโครงการที่ดูแล้ว อาจไม่มีอนาคตที่ยั่งยืนในระยะยาว!

คุณเท่านั้น คือผู้ตัดสินใจ!!

ข้อมูลอ้างอิง